น็อตร่วมประมูลบลายธ์ครบ 1 ปี

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

คุณค่าที่แท้จริงแห่งกาลเวลา



เราเข้าใจเรื่องราวของเวลา อย่างที่เคยเข้าใจอย่างนี้บ้างหรือเปล่า...?ตอนเด็กๆ... เมื่ออยากไปทะเล
เราคิดถึงเรื่องราวของน้ำใสๆ ทรายสวยๆ ทิวทัศน์ที่มีบรรยากาศดีๆ
จริงสิไปทะเลบางครั้งเขาบอกว่า ต้องออกอาการแบบเหงาๆ
เท้าที่ย่ำไปบนพื้นทราย รวมกับระลอกคลื่นที่กระทบฝั่ง
สายลมและแสงแดด ไม่ว่ายามเช้าสดใสหรือว่ายามบ่ายแก่ๆ
เมื่อพระอาทิตย์จะตกยังไงก็ยังคงมีเสน่ห์...


ตอนเด็กๆ . . . เมื่อคิดถึงเรื่องราวของภูเขา
เราคิดถึงป่าเขียวขจี เราคิดถึงน้ำตกหรือลำธารที่เย็นชื่นใจ
เราคิดถึงพันธ์ไม้ป่าที่สวยๆ ต้นไม่ใหญ่ที่ทะมึนน่าเกรงขาม
ยังคงคิดถึงเรื่องราวของนกและผีเสื้อสวยงาม และยังมีสัตว์ป่าที่ยังคงมีอยู่
ที่สำคัญคือการผจญภัยมากมายไม่ว่าจะเดินป่า หรือพักแรม
แล้วยังเสน่ห์อีกมากมาย...


ตอนเด็กๆ... เมื่อคิดถึงมื้ออาหาร
เราคิดถึงโต๊ะและบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติก
อยากมีห้องสวยๆ แบบในหนังนะ
อาหารบนโต๊ะต้องมีเยอะที่สุด และแน่นอนต้องมีอาหารโปรดด้วย
ยิ่งวันไหนมีอาหารที่เราชอบที่สุดในโลกบนโต๊ะ...
วันนั้นมื้ออาหารก็จะดีที่สุดในโลกเลย

ตอนเด็กๆ... เรามองสิ่งรอบข้างด้วยความกระวนกระวาย
เพื่อเรียกร้องเพื่อให้ได้มา
บางโอกาสเราหงุดหงิดกับบรรยากาศ
ที่ไม่เหมือนอย่างในละครที่มีแต่ความสุข
เรามักจะเรียกร้องมากมายไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาสวยๆ
เจ้าอุลตร้าแมนหรือเจ้ามดแดงตัวโปรด
ของขวัญหรือสิ่งของภายนอกที่อยากได้
ต้องอย่างนั้นต้องอย่างนี้ อะไรๆ ก็ไม่ถูกใจไปหมด

แล้วเวลาก็ผ่านไป...
เราเริ่มรู้ว่า ... ไปทะเลที่ไหนมันก็เป็นทะเล
มีน้ำมีหาดทราย มีสายลมและกลิ่นไอของทะเล

เราเริ่มรู้ว่า... ไปภูเขามันก็มีป่าที่มีลำธาร
มีสีเขียวของต้นไม้ ภูเขาก็คือภูเขานั่นแหละ

เราเริ่มรู้ว่า... ทานอาหารอย่างมากก็แค่อิ่มไม่ว่าอาหารจะดีหรือไม่
สถานที่จะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญ แต่มันก็กินอิ่มเหมือนกันนั่นแหละ

เราเริ่มรู้ว่า... ข้อเรียกร้องหลายอย่างไม่ใช่เรื่องจำเป็นถึงที่สุด
บางโอกาสถึงขนาดบอกว่าอะไรก็ได้ เพราะอะไร... ?


... เพราะเมื่อเวลาแห่งชีวิตผ่านไปจนเราเข้าใจ...
เราจะรู้ว่า... ไปทะเลก็ไร้ค่า
ไปภูเขาก็ไม่ได้มีความสุข...
ทานอาหารที่ว่าเลิศรส...
บรรยากาศที่ว่า สุดยอดก็ไร้ความรู้สึกที่ดี
การเรียกร้อง และอยากได้ดูเหมือนจะมีข้อจำกัดน้อยลง
เพราะทุกอย่างแม้เราจะได้...
แต่เราไม่มีคนที่เรารัก หรือคนที่เราเคารพอยู่ด้วย
ชีวิตของเราจะเหลืออะไร... ?

คุณค่าของเวลาที่แท้จริง คือการที่เราได้อยู่กับคนที่เรารัก
หรืออยู่กับคนที่รักเราต่างหาก
อย่ามัวแต่ เรียกร้องสิ่งที่เป็นมายา
จนลืมความสำคัญ... ของคนดีที่อยู่เคียงข้าง


"บางครั้งเราจะรู้คุณค่าของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ก็ต่อเมื่อสูญเสียสิ่งนั้นไป
แล้วเราก็ไม่สามารถเรียกเอาวันเก่าๆ ที่ดีกลับมาได้อีกเลย"

"การสำนึกผิดเปรียบเสมือนกระจกบานหนึ่ง
ที่สามารถสะท้อนให้เราเห็นถึงความผิดพลาด
ของตนเองอย่างแจ่มชัด
และทำให้เรามีโอกาสแก้ไขข้อผิดพลาดให้ถูกต้องขึ้น"

คุณค่าวิตามินอีในน้ำมันพืช




วิตามินอี เป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับทุกวัน มีลักษณะเป็นน้ำมันสีเหลืองและละลายได้ดีในไขมัน ในแต่ละวันผู้ใหญ่วัยทำงานควรได้รับวิตามินอีประมาณ 8-10 มก. ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข (Thai RDA)

อาหารที่เป็นแหล่งของวิตามินอี ได้แก่ นม ไข่ ถั่วลิสง อัลมอนด์ เนื้อสัตว์ ผักโขม และน้ำมันพืชต่าง ๆ อย่างไรก็ตามหลายคนมักหลีกเลี่ยงที่จะรับประทานไขมันพืช โดยเฉพาะผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก เพราะเชื่อว่าจะทำให้อ้วน จริงอยู่ที่น้ำมันพืชต่าง ๆ ให้พลังงานสูง แต่ร่างกายยังคงต้องการไขมันเหล่านี้ในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อช่วยในการดูดซึมวิตามิน

ในบรรดาน้ำมันพืชต่าง ๆ ที่จำหน่ายในบ้านเรามีสัดส่วนปริมาณวิตามินอีมากน้อยต่างกัน โดยน้ำมันที่นิยมรับประทานในครัวเรือนมีดังนี้

น้ำมันข้าวโพด
1 ช้อนโต๊ะให้พลังงาน 120 กิโลแคลอรี มีวิตามินอี 9 มก. เหมาะสำหรับการผัด ทอดหรือเป็นน้ำมันสลัด ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ จึงมีราคาสูงกว่าน้ำมันอื่นเล็กน้อย

น้ำมันเมล็ดฝ้าย
1 ช้อนโต๊ะให้พลังงาน 130 กิโลแคลอรี มีวิตามินอี 4.8 มก. เหมาะสำหรับการทอด เพราะทนความร้อนที่อุณหภูมิสูง 230 องศาเซลเซียส ทำให้อาหารกรอบนาน และยังนำไปผัดและเป็นน้ำสลัดได้ด้วย

น้ำมันมะกอก
1 ช้อนโต๊ะให้พลังงานประมาณ 130 กิโลแคลอรี มีวิตามินอี 4.8 มก. เหมาะสำหรับอาหารผัด และเป็นน้ำมันที่เหมาะกับผู้ควบคุมน้ำหนัก เพราะเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน
นอกจากนี้ ยังให้โอเมก้า 3 และ 6 เพิ่มปริมาณไขมันดี HDL-C ให้แก่ร่างกาย ราคาค่อนข้างสูงจึงเป็นที่นิยมเฉพาะกลุ่ม

น้ำมันปาล์ม
1 ช้อนโต๊ะให้พลังงาน 130 กิโลแคลอรี มีวิตามินอี 7.8 มก. เป็นน้ำมันพืชที่นิยมใช้ที่สุดในร้านอาหารส่วนใหญ่ เพราะมีราคาไม่แพง หากนำไปทอด อาหารจะมีความกรอบนาน แต่รับประทานมาก ๆ ไม่ดีต่อหัวใจเพราะมีไขมันอิ่มตัวสูง

น้ำมันดอกคำฝอย
1 ช้อนโต๊ะให้พลังงาน 130 กิโลแคลอรี มีวิตามินอี 13.8 มก. เป็นน้ำมันพืชที่ได้รับความนิยมไม่แพ้น้ำมันมะกอก เพราะมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง เหมาะสำหรับทำน้ำสลัด อบขนม และปรุงอาหารประเภทผัด

น้ำมันถั่วเหลือง
1 ช้อนโต๊ะให้พลังงาน 130 กิโลแคลอรี มีวิตามินอี 4.5 มก. เป็นน้ำมันที่ได้รับความนิยมเช่นกัน เพราะมีราคาไม่สูงมาก และเป็นไขมันไม่อิ่มตัว

น้ำมันดอกทานตะวัน
1 ช้อนโต๊ะให้พลังงาน 130 กิโลแคลอรี มีวิตามินอี 14.1 มก. เป็นน้ำมันที่กำลังได้รับความนิยม เพราะนอกจากจะมีวิตามินอีสูง ยังไม่เป็นอันตรายต่อการเสี่ยงเป็นหลอดเลือดหัวใจตีบตัน

วิตามินอีมีประโยชน์หลายอย่าง ทั้งช่วยด้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันและอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ป้องกันการเสื่อมสลายของเยื่อหุ้มเซลล์ที่อยู่ตามผิวหนัง ตา เป็นต้น นอกจากนี้ ยังป้องกันผิวจากการไหม้เกรียม ริ้วรอยเหี่ยวย่น แต่ไม่ควรรับประทานวิตามินอีมากเกิน 1500 IU หรือประมาณ 30 มก. เนื่องจากโอกาสการขาดวิตามินอีโดยเฉพาะผู้ใหญ่ไม่ค่อยพบทั้งชาวไทยหรือต่างประเทศ แต่จะพบในเด็กแรกเกิดที่ไม่ครบกำหนดคลอดเสียมากกว่า ดังนั้นจึงควรระวังในเรื่องการบริโภคเกินจำนวนในปริมาณมาก เพราะหากได้รับวิตามินอีมากไปก็เป็นอันตราย เนื่องจากวิตามินอีไม่สามารถละลายในน้ำ ทำให้ขับออกทางปัสสาวะไม่ได้ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง จนถึงกล้ามเนื้ออ่อนแรง และปริมาณน้ำมันที่รับประทานเข้าไปจะทำให้น้ำหนักตัวและหลอดเลือดมีผลกระทบที่รุนแรงและเห็นได้ชัด วิตามินอีที่ได้จากน้ำมันพืช หรือ ผลิตภัณฑ์จากเมล็ดพืชประมาณ 40% ได้แก่ มาการีน น้ำมันสลัด น้ำมันพืช ส่วนอีก 20% ได้จากการรับประทานผักและผลไม้ และถ้าใครรับประทานอาหารที่มีธัญพืช ข้าวกล้อง ถั่วเมล็ดแห้ง ก็จะได้เพิ่มอีก 20% อีก 15% จะได้จากการรับประทานอาหารที่ปรุงด้วยเมล็ดธัญพืชผสมลงในผลิตภัณฑ์อาหาร ส่วนที่เหลืออีกเพียงเล็กน้อยจะได้จากเนื้อสัตว์ ปลา และไข่ เท่านั้น

คำแนะนำในการปรุงอาหาร


น้ำมันจากพืชถือว่าเป็นแหล่งของวิตามินอีสูง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับสัตว์แล้วแทบจะไม่มีเลย ด้วยเหตุนี้จึงแนะนำให้ได้รับวิตามินจากเมล็ดพืชก็น่าจะเพียงพอแล้ว ส่วนการเสริมด้วยรูปของวิตามินคงจะต้องนำมาพิจารณาเป็นราย ๆ ไปว่ามีความจำเป็นเพียงใด แต่การที่จะได้รับวิตามินอีให้ได้ประโยชน์สูงสุดคงจะไม่พ้นการปรุงอหารที่ถูกวิธี ด้วยเหตุที่วิตามินอีจะเสื่อมสภาพด้วยการใช้ความร้อนสูง เช่น ทอด ผัดไฟแดง อบ เจียว และการที่นำน้ำมันกลับมาใช้ซ้ำ อีกทั้งการเก็บรักษาน้ำมันระหว่างการรอใช้ เช่น ภาชนะบรรจุไม่มีฝาปิดสนิท (ฝาหม้อธรรมดา) การทิ้งไว้ในที่มีอากาศร้อน แสงแดดส่องถึง ก็จะทำให้น้ำมันเสื่อมคุณภาพไป วิธีที่นิยมใช้การถนอมวิตามินอีคือ การเติมน้ำมันลงในอาหารก่อนจะยกอาหารขึ้นใส่จาน นึ่ง ต้ม โดยการเติมน้ำมันลงในน้ำ เช่น น้ำซุป เป็นต้น บางคนอาจรับประทานน้ำมันเปล่า ๆ เพื่อให้ได้วิตามินอีเพียงพอ แต่นั่นคือการทำให้ระบบการย่อยและดูดซึมไขมันหนักเกินไป และแม้ว่าวิตามินอีจะค่อนข้างทนต่อความร้อนและไม่ละลายในน้ำ แต่การประกอบอาหารที่ใช้ความร้อนสูง ๆ เช่น การทอด และหากน้ำมันเหม็นหืนก็อาจทำให้วิตามินอีเสียสภาพไปด้วย

วิตามิน..คุณค่าที่น่าใส่ใจ


คงไม่มีใครไม่รู้ว่าวิตามินในอาหารแต่ละอย่าง ล้วนมีคุณค่าต่อร่างกาย แต่คุณทราบหรือไม่ว่า จริงๆ แล้ว วิตามินแต่ละชนิดที่รับประทานไปนั้น มีประโยชน์อย่างไร เสริมสร้างสุขภาพร่างกายส่วนไหนบ้าง และตัวคุณเองควรได้รับวิตามินอะไร ลองมาดูกันว่า คุณรู้จักวิตามินแต่ละชนิดดีแค่ไหน
วิตามิน บี 1 (ไธอามิน)
ช่วยในการย่อยอาหาร เสริมสร้างการทำงานของกล้ามเนื้อและหัวใจ ช่วยในการทำงานของสมองในผู้สูงอายุ มีในข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี ธัญพืช ขนมปัง โฮลวีท และน้ำผึ้ง



วิตามิน บี 6 (ไพริดอกซิน)
ช่วยสร้างเนื้อเยื่อของร่างกาย ช่วยให้ร่างกายนำพลังงานจากโปรตีนมาใช้ มีในธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี ลูกพรุน ถั่วเมล็ดแห้ง กล้วย ปลา เป็ด ไก่ เนื้อสัตว์



วิตามิน บี 12 (โคโบลามิน)
จำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาท และการสร้างเม็ดเลือดแดงกระตุ้นให้ร่างกายมีการใช้พลังงาน และช่วยบรรเทาอาการแพ้ ผื่นคัน มีในผลิตภัณฑ์นม เนื้อสัตว์ และอาหารทะเล



กรดโฟลิค หรือวิตามิน บี 9
ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย เช่น ผม ผิวหนัง เม็ดเลือด เส้นประสาทและสมอง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์หากขาดกรดโฟลิคจะทำให้เป็นโรคโลหิตจาง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและพัฒนาการของสมอง มีมากในผักใบเขียวเข้ม เครื่องในสัตว์ ถั่วเมล็ดแห้ง เป็นต้น



วิตามิน ซี
ป้องกันโรคหวัด และยังจำเป็นสำหรับการสร้างคอลลาเจน ซึ่งมีผลต่อการสมานของบาดแผล วิตามิน ซี มีมากในผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว แอปเปิ้ล



วิตามิน ดี
ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างกระดูกและฟัน ร่างกายสามารถสร้างวิตามิน ดี ได้เองที่ผิวหนังจากแสงแดด วิตามิน ดี พบมากในปลา ไข่ เนย



วิตามิน อี
ป้องกันระบบประสาท กล้ามเนื้อ และหัวใจจากการถูกทำลาย ช่วยให้ผิวหนังแข็งแรงและใช้รักษาภาวะมีบุตรยาก ช่วยรักษาแผลและลบเลือนแผลเป็น เราสามารถรับวิตามินอีได้จากจมูกข้าว น้ำมันพืช ผักใบเขียว ผลไม้เปลือกแข็ง

ตึกม.บูรพาถล่ม ดับแล้ว2 เร่งช่วยเหลือ!




เหตุสะเทือนขวัญอาคารกำลังก่อสร้างของมหาวิทยาลัยชื่อดังถล่ม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 คนและมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก เปิดเผยเมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 15 สิงหาคม พ.ต.ท.สมคิด เฮียงเสถียร สารวัตรเวร สภ.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยบูรพาว่า มีตึกที่กำลังก่อสร้างถล่ม ซึ่งเป็นอาคารของคณะศึกษาศาสตร์ ตั้งอยู่ภายในบริเวณมหาวิทยาลัยบูรพา เลขที่ 169 ถนนลงหาดบางแสน ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้พ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผกก.สภ.แสนสุข ทราบ พร้อมเดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยไตรคุณธรรมชลบุรี

เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบว่าเป็นสถานที่ก่อสร้างตึกของคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาหลังใหม่ พบผู้บาดเจ็บนอนร้องครวญครางขอความช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยจึงเร่งนำร่างผู้บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพา และโรงพยาบาลชลบุรี กว่า 10 คน โดยมีบาดแผลถลอกตามร่างกาย นอกจากนี้ยังพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 3 คน ถูกเหล็กทับติดอยู่บริเวณภายในอาคารก่อสร้างที่พังลงมา แต่ยังไม่ทราบชื่อ ทราบเพียงว่าหนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นหัวหน้าคนงานก่อสร้าง

จากการสอบสวนคนงานก่อสร้างที่รอดชีวิตทราบว่า ภายในยังมีคนติดอยู่เป็นกว่า 30 คน เพราะอยู่ระหว่างเร่งก่อสร้างตึกดังกล่าว ซึ่งกำลังก่อสร้างชั้นที่ 3 โดยมีคนงานกว่า 40 คนทำงานกันอยู่ โดยตึกนี้จะก่อสร้างเป็นอาคาร 8 ชั้น ทั้งนี้หน่วยกู้ภัยไตรคุณธรรมชลบุรีได้ขอกำ ลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยกู้ภัยธรรมรัศมีมณีรัตน์ หน่วยกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชา หน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์พัทยา และหน่วยกู้ภัยเพียวเยี้ยงไท้ศรีราชา ให้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครและอุปกรณ์ค้นหาเข้าช่วยค้นหาผู้ได้รับบาดเจ็บที่ถูกตึกทับอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่อาสาสมัครของหน่วยกู้ภัยในพื้นที่ จ.ชลบุรี กว่า 100 คน พยายามเร่งค้นหาผู้ที่ติดอยู่ในซากตึกอีกกว่า 30 คน คาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตอีกหลายคน อย่างไรก็ตาม การค้นหาของเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยจะทำจนกว่าจะพบผู้ที่ติดอยู่ภายในครบทั้งหมด

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบว่า สถานที่ดังกล่าวดำเนินการก่อสร้างโดยบริษัท บิลเลียนเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด มีนายสุรพล งามเลือง เป็นผู้อำนวยการโครงการ และมีนายประทวน ฤทธิบำรุง เป็นผู้จัดการโครงการ ส่วนของคนงานที่ยังติดอยู่ภายในอาคารก่อสร้างเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้นำเครื่องมือและอุปกรณ์ค้นหาอย่างรีบเร่ง เพื่อค้นหาผู้บาดเจ็บที่ติดอยู่ภายในซากที่ถล่มลงมา โดยมีนายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข และ พ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผกก.สภ.แสนสุข มาอำนวยการค้นหา

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังตรวจสอบบริเวณแคมป์คนงานพบว่าผู้ที่เกี่ยวข้องได้หายไปหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถติดตามใครมาสอบถามข้อมูลได้ คนงานก่อสร้างแจ้งว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องเดินทางออกไปหลังเกิดเหตุแล้ว โดยสาเหตุที่ตึกถล่มนั้น เพราะบริษัทเร่งก่อสร้างตึก ทำให้พื้นแบกรับน้ำหนักไม่ไหว และปูนที่เทพื้นชั้นที่ 2 อาจยังไม่แห้งดี เพราะว่าเกิดฝนตกลงมา ทำให้ตึกถล่มดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.กิตติพงษ์ เงามุข ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบก.สส.ภ.2) กล่าวว่า อาคารดังกล่าวก่อสร้างบริเวณชั้นที่ 2 เสร็จแล้ว กำลังตั้งเสาขึ้นในส่วนของชั้นที่ 3 แต่พังถล่มลงมาก่อน โดยพื้นที่เกิดเหตุเคยเป็นสระน้ำ มีอาคารเดิมอยู่กลางน้ำ จากนั้นจึงทุบอาคารเก่าและถมดินบริเวณรอบๆ เพื่อก่อสร้างอาคารหลังใหม่ อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงแล้ว

ด้าน นายสม อายุ 54 ปี คนงานก่อสร้าง เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุอาคารถล่มช่วงเย็นคนงานเทปูนน้ำหนักราว 500 ตัน เพื่อปูพื้นบริเวณชั้น 2 ของอาคาร แต่คานที่สร้างไว้รับน้ำหนักไม่ไหวจึงพังถล่มลงมา

ขณะที่ รศ.ดร.มนตรี แย้มกสิกร คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ ม.บูรพา กล่าวว่า อาคารคณะศึกษาศาสตร์ที่ถล่มนั้น เป็นหนึ่งในอาคารที่คณะศึกษาศาสตร์ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 230 ล้านบาท ซึ่งจะประกอบไปด้วยอาคารเรียน 8 ชั้น อาคารปฏิบัติการ 3 ชั้น และอาคารหอประชุม 2 ชั้น อาคารที่ถล่มคืออาคารหอประชุม 2 ชั้น ซึ่งทางบริษัทรับเหมาก่อสร้างดำเนินการสร้างมาแล้วประมาณ 1 ปี และต้องสร้างให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2554

"ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อวิศวกรได้ แต่เท่าที่สอบถามคนงาน พบว่านั่งร้านได้ทรุดตัวลงมา เนื่องจากรองรับอุปกรณ์ก่อสร้างไม่ได้ ทำให้คนงานที่อยู่ชั้นบนตกลงมาได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม การทรุดตัวพังถล่มของอาคารครั้งนี้ ไม่มีนักศึกษาหรือบุคลากรของมหาวิทยาลัยได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีสังกะสีกั้นไว้ ไม่ให้นักศึกษา บุคลากร หรือผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปบริเวณดังกล่าว ดังนั้นเรื่องการถล่มของอาคารต้องให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นผู้ดำเนินการ เพราะงานก่อสร้างครั้งนี้ยังไม่มีการส่งมอบงานมายังคณะ" รศ.ดร.มนตรี กล่าว